เกี่ยวกับเรา

โรงพยาบาลมีสุข

เด็กเจ็บป่วยที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาล ต้องอยู่ ในความควบคุมดูแลของแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในสถานพยาบาลย่อมมีผลต่อจิตใจของเด็กมากบ้าง น้อยบ้าง เนื่องจากความสับสนวุ่นวายต่างๆ ที่ดำเนินไปรอบตัวเด็กที่ต้องจากบ้าน บางคนการไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง อาจทำให้เด็กมีความรู้สึกว้าเหว่ บางคนอาจมีอาการเหงาหงอย ไม่สดชื่นเท่าที่ควรเด็กอาจเกิดความเครียดขึ้นได้เป็นผลมาจากปัญหาที่กล่าว มาแล้ว นั่นคือ ความเจ็บปวด ความอ่อนแอ ความหวาดกลัว ความสับสนวุ่นวายความว้าเหว่ ความเบื่อหน่าย และความวิตกกังวล ซึ่งความเครียดมีผลทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่เลี่ยนไปจากเดิมบางคนกลายเป็นเด็ก ซึมเศร้า บางคนก้าวร้าวเอาแต่ใจตัวเองผู้ปกครองบางคนถึงกับบอกว่าตั้งแต่เด็กป่วยและ มานอนโรงพยาบาลเด็กมีนิสัยเปลี่ยนไป เด็กต้องการการดูแลพิเศษจากครอบครัว

และการที่ต้องดูแลเด็กในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และต้องอยู่ในกฎระเบียบ ข้อบังคับของโรงพยาบาลอีกทั้งขาดความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายจึงมักจะทำให้ผู้ดูแลเกิดความเครียด จากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับเด็ก และซึ่งความเครียดที่เกิดขึ้นมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความคิดและพฤติกรรมในผู้ปกครอง/ผู้ดูแล การใช้การเล่นเป็นสื่อทำให้เด็กได้เรียนรู้และลืมความเจ็บป่วย และการจัดกิจกรรมนันทนาการจะทำให้เด็กได้รับความเพลินเพลิน ลดความกลัวความเครียดและสามารถมีพัฒนาการต่อไปได้อย่างสมวัย ส่วนตัวผู้ปกครอง/ผู้ดูแล เองก็จะมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่มากขึ้น เกิดร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ได้เรียนรู้การดูแลสุขภาพเด็กและตนเอง แต่ด้วยภาระงานที่มากขึ้นและจำนวนเจ้าหน้าที่ลดลงจึงทำให้การจัดกิจกรรม นันทนาการและการทำกลุ่มผู้ปกครองจึงมีการทำไม่สม่ำเสมอในบางหอผู้ป่วยและบาง หอผู้ป่วยก็ไม่มีกิจกรรมเหล่านี้เลย

การดูแลด้านจิตใจทั้งเด็กและผู้ปกครองถูกลดความสำคัญลงเพราะต้องให้ความสำคัญกับโรคที่เด็กเป็นมากกว่า เจ้าหน้าที่ทำงานเป็นไปด้วยความเคร่งเครียดและความคาดหวังในผลงานของตน อีกทั้งการดูแลไม่ได้ทำเฉพาะตัวเด็กเท่านั้น จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองมามีส่วนร่วมในการดูแลเด็กและจะต้องทำงานบนความคาดหวังของทั้งผู้ป่วย ผู้ ปกครอง/ผู้ดูแลและผู้ร่วมงานอื่นๆ ทำให้บรรยากาศในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกับทุก เรื่องโดยขาดผู้อื่นมาช่วยเบ่งเบาภาระงาน ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนขาดความสุขในการทำงานและเริ่มทำงานแบบประจำตามหน้าที่ไปเรื่อยๆ โดยขาดจิตวิญญาณของการดูแล ประกอบ กับช่วงหลังมีการปฏิรูประบบประกันสุขภาพจนมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงปริมาณของ ผู้ป่วยมากขึ้นส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักมากขึ้น ทำให้มีเวลาให้กับการรักษาพยาบาลต่อผู้ป่วยหนึ่งคนน้อยลง โดยสภาพดังกล่าวอาจก่อให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ซึ่งอาจเกิดปัญหาความรู้สึกไม่พอใจในคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ บางครั้งถึงขั้นก่อให้เกิดการฟ้องร้องกัน

ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หนุนโครงการอาสาสมัครในโรงพยาบาล ให้ผู้ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ร่วมทำงานในโรงพยาบาล/สถานีอนามัยในสังกัด เป็นการดำเนินยุทธศาสตร์สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุข มีหลักคิดสำคัญว่า คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน คนไทยอยู่ในสังคมที่เข้มแข็ง คนไทยเป็นคนมีคุณธรรม ทั้งนี้ ในการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข สถานบริการของรัฐทุกแห่งประสบปัญหาสำคัญ คือผู้ที่มารับบริการเพิ่มมากขึ้นขณะที่บุคลากรทุกระดับมีไม่เพียงพอให้ บริการ ทำให้ผู้บริการต้องรอนาน การบริการไม่ทั่วถึงอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันจนทำให้สัมพันธภาพระหว่าง 2ฝ่าย แย่ลง ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อาสาเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยในสังกัด เรียกว่า “อาสาสมัครในโรงพยาบาล (อส.รพ.)”

งานอาสาสมัคร เป็นช่องทางหนึ่งเพื่อส่งเสริมโอกาสนั้น และจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากมีกระบวนการจัดการให้สอดคล้องกับเวลาและความ เป็นจริงของชีวิตของคนในสังคม

การทำงานอาสาสมัครเป็นการยกระดับจิตใจ ช่วยให้ขัดเกลาตนเอง โดยการออกจากตนเอง เพื่อคนอื่น เพื่อสังคม ก่อให้เกิดคนดี กิจกรรมดี สังคมดี

จากประสบการณ์งานด้านอาสาสมัครของ “มูลนิธิกระจกเงา”ในหลายปีที่ผ่านมา โครงการครูบ้านนอก ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครสึนามิ และ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมโคลนถล่ม อุตรดิตถ์ ทำให้พบว่าคนในสังคมอยากออกมาเพื่อเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อหนุนเสริมแนวคิดการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ โรงพยาบาลจึงเป็นพื้นที่ใหม่ในงานดำเนินการอาสาสมัคร

แนวคิดของโรงพยาบาลมีสุข

คือทำการปฏิบัติการ และ พัฒนาวิธีคิด รูปแบบ กิจกรรมการเพิ่มความสุข ลดความทุกข์ ลดความตึงเครียดลงในสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาล โดยจะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุนคือ อาสาสมัคร

แนว คิดเรื่องอาสาสมัครจากภายนอกที่เข้ามาหนุนเสริมในโรงพยาบาลมีสุขนั้นมาจาก ข้อเท็จจริงที่ทำให้เชื่อได้ว่าสภาพการดำเนินงานภายในปัจจุบันนี้ ขาดความหลากหลายด้านกรอบคิดวิธีการ การคิดนอกกรอบและบุคลากรที่มีความรู้สึกสดใหม่และ มีพลังอยู่เสมอ เนื่องจากคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ นานๆ ความ กระตือรือร้นคงที่ และยังมีแนวโน้มลดลง ถ้ามีคนใหม่เข้ามาจะเกิดสภาพแวดล้อมใหม่ ทำให้มีแรงกระตุ้น คนนอกเข้ามาจะทำให้มีความกระตือรือร้นมากขึ้น ยังจะทำให้โรงพยาบาลเชื่อมโยงกับสังคมในมิติอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่สถานที่ให้บริการทางการแพทย์เท่านั้น สามารถเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปมีบทบาทสนับสนุนในนามอาสาสมัคร

โครงการ โรงพยาบาลมีสุขมีความมุ่งมั่นที่จะทำการจัดกิจกรรมใหม่ ๆ ที่จะเข้าไปสนับสนุนนวัตกรรมในโรงพยาบาลที่ สังคมมีส่วนร่วมได้ และหวังว่าจะเป็นโครงการต้นแบบที่จะถูกนำไปต่อยอดในโรงพยาบาลอื่น ๆ โดยเป็นสถานที่ศึกษาดูงานด้านอาสาสมัครในโรงพยาบาล ของหน่วยงานต่าง ๆให้เกิดการริเริ่มในการพัฒนาสถานประกอบการด้านสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

มาเป็นส่วนหนึ่งกับเรา

ร่วมสันสร้างความสุขและลดความทุกข์ เพื่อเด็กๆและผู้ป่วยในโรงพยาบาล