ผศ.ทญ.ดร.ประทานพร อารีราชการัณย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เผยว่า โรคที่เกิดในช่องปาก นอกจากโรคที่เกี่ยวข้องกับฟันและเหงือกแล้ว
ยังอาจมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะอื่นๆ เช่น เนื้อเยื่ออ่อน ลิ้น
ฯลฯ
ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมานและมีปัญหาในการรับประทานอาหารแล้ว
ยังอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอันตรายต่ออวัยวะส่วนอื่นของร่างกายอีกด้วยผู้
ป่วยที่มีรอยโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากที่มารับการรักษาที่คณะ
ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีแผลในช่องปาก แผลร้อนในเป็นรอยโรคที่พบได้มากที่สุด
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะรักษาด้วยตนเอง โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ขาดสารอาหาร ขาดวิตามิน หรืออาจเกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินอาหาร โรคที่พบได้มากในผู้ชายคือ Behcet's syndrome ซึ่งมักจะมีกลุ่มอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
มีความผิดปกติของเนื้อเยื่ออ่อนของอวัยวะในร่มผ้า ข้อต่อ เส้นเลือดต่างๆ
ฯลฯ ผู้ป่วยจึงควรมาพบแพทย์หรือทันตแพทย์ เพื่อทำการซักประวัติสืบหาสาเหตุ
และอาจจะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ผศ.ทญ.ดร.ประทานพร
กล่าวถึงโรคในช่องปากในกลุ่มรอยโรคขาวแดงว่า
สาเหตุของโรคกลุ่มนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดและยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด
ทำได้เพียงควบคุมโรคเท่านั้น โรคที่พบมากที่สุดคือไลเคน พลานัส (Lichen Planus) ซึ่ง
มักจะมีรอยโรคสีขาวเป็นลายเส้นๆ คล้ายลายลูกไม้ร่วมด้วย
บางรายอาจมีเพียงอาการ แสบร้อนเวลารับประทานอาหาร
บางรายอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ ผู้ป่วยโรคนี้จำเป็นต้องมาพบแพทย์เป็นระยะ
เนื่องจากมีรายงานว่ารอยโรคเหล่านี้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อที่
ไม่ดีได้ หากปล่อยให้เรื้อรังเป็นเวลานาน สำหรับโรคอื่นๆในช่องปาก เช่น โรคภาวะภูมิไวเกิน (Autoimmune disease) ลักษณะอาการจะมีรอยถลอก ในช่องปาก บางรายมีตุ่มน้ำซึ่งแตกออกเป็นแผลได้
โรคในกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการรักษาจะลุกลามอย่างรุนแรง และบางโรคอาจเสียชีวิตได้ โรคติดเชื้อในช่องปาก ซึ่งโรคที่พบได้มาก ได้แก่ เริมในช่องปากหรือที่ริมฝีปาก เกิด
จากเชื้อไวรัส ผู้ที่เป็นครั้งแรกมักจะมีอาการรุนแรงและจะเป็นซ้ำๆ
หากร่ายกายอ่อนแอ ผู้ป่วยควรรีบเข้ามารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
เพราะหากปล่อยให้ตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผล
น้ำใสที่แตกออกมาจะมีโอกาสแพร่เชื้อสูงมาก
นอกจากนี้ยังมีโรคติดเชื้อราในช่องปาก ซึ่งโรคที่พบมากที่สุดคือฝ้าขาว
สามารถสังเกตได้ง่ายคือจะมีคราบขาวคล้ายคราบน้ำนมภายในช่องปาก
สาเหตุของโรคมักจะเกิดจากผลข้างเคียงจากโรคอื่น หรือการใช้ยาบางชนิด
คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
มีงานวิจัยเกี่ยวกับโรคในช่องปากเหล่านี้จำนวนมาก
เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการรักษาและการใช้ยา
รวมทั้งเพื่อสืบหาสาเหตุหลักของโรค เพราะหากรู้สาเหตุของโรคแล้ว
การรักษาจะทำได้ง่ายขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ก็จะเป็นการศึกษาหาวิธีช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความทรมานจากโรคนั้นๆ
ให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผศ.ทญ.ดร.ประทานพร
กล่าวทิ่งท้าย
ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ |